Sunday, March 3, 2013

การสร้าง Campaign ฉบับ จับมือทำ


 

สวัสดี!!อีกครั้งครับ ^/l\^

  เรามาต่อจากบทความที่แล้วกันนะครับ เริ่มต้น หลังจากlog in แล้วให้เราไปที่หน้า Dash board ตามรูปนะครับ


จากนั้นคลิกไปที่ปุ่ม Create Campaign 
ซึ่งมันจะมีให้เลือก 4 แบบ ดังรูป
ในที่นี้เพื่อความรวดเร็วนะครับ ผมจะขอกล่าวเฉพาะ ในส่วน Regular Ol' Campaign เป็นแนวทางก่อนนะครับ ส่วนแบบอื่นๆ ถ้ามีเวลาจะนำมาเพิ่มเติมให้ทีหลัง หรือท่านผู้อ่านจะลองศึกษาเองก็ได้ครับ

เมื่อเราคลิกไปแล้วจะเจอแบบรูปแบบดังนี้

ซึ่งก็คือมันจะถามว่า campaign นี้จะส่งไปที่กลุ่มรายชื่อใด ในตัวอย่างคือ รายชื่อที่ผมสร้างไว้เป็นตัวอย่างซึ่งมีอยู่ 16 รายชื่อ คลิกเลือก กลุ่มรายชื่อที่ต้องการ แล้ว กด Next Step Setup ที่ด้านล่าง จะพบภาพดังรูป

ในหน้านี้คือการตั้งค่าของ Campaign เราว่าจะการแสดงอย่างไร 

Name of your Campaign : คือการตั้งว่าชื่อ สาร ที่เราจะส่งว่าหัวข้ออะไร เช่น ถ้าเป็น promotion ขอบคุณลูกค้า ,การนำเสนอ สินค้าและบริการให่ม ,หรือภาพ เพลง สิ่งที่เราอยากส่งให้ กลุ่มรายชื่อที่เราตั้งไว้ได้เห็น ( ในที่นี้ผมจะลองตั้งว่า example )
Email Subject : คือหัวข้อเมลล์ที่จะปรากฎ ในหน้ากล่องเมลล์ของกลุ่มเป้าหมายว่า หัวข้ออะไร ( ในที่นี้ผมตั้งเป็น List of Thai music )
From name : คือการตั้งค่าในเมลล์ที่จะไปปรากฏในกล่องเมลล์ ของกลุ่มเป้าหมายว่า มาจากใคร ซึ่งคุณสามารถ ตั้งเป็น ชื่อบริษัท หรือชื่อองค์กร ชื่อ saleman หรือ ชื่อคุณเองตามความเหมาะสมครับ ( ในที่นี้ผมตั้งเป็น Thai Dealer Solution )
Reply-To Email Address : คือการตั้งค่าว่าให้มีการตอบกลับอีเมลล์ไปที่ใด ( ในที่นี้ผมใช้ Thai.Dealer.Solution@gmail.com )

ต่อไป การตั้งค่าให้แสดง ว่า ไปถึงใครในรายชื่อโดยอัตโนมัติ แนะนำว่าให้ คลิกถูก ในช่องได้เลยครับ "to"
บรรทัดถัดมา ค่าการตั้งค่า เมื่อเราคลิกให้มีการ แสดงว่าไปถึงใครในตัวอีเเมลล์แล้วจะให้ใส่อะไรลงไป บ้าง เช่น คำนำหน้า ,ชื่อ,นามสกุล ( ถ้าเรามีการตั้งรายชื่อมาดี จากบทความก่อนหน้านี้แล้ว ส่วนนี้จะไม่ยากเลยครับ )

ผม เลือก ให้ มีคำนำหน้า ชื่อ และ นามสกุลนะ ครับ ทำยังไง มาดูกัน
จากนั้นคลิกไปที่ *[MERGETAGS]* จะมี pop up ดังรูป ขึ้นมา

ทีนี้ ให้เรา ลากเมาส์ ไปเลือกส่วนที่เราต้องการ เช่นในที่นี้ ผม ต้องการ Title, First name ,Last name แล้วคลิกซ้ายค้างแล้วในช่องด้านขวาตรงกับคำที่เราต้องการ แล้ว คลิกขวาเพื่อ copy

แล้วมาวางลงในช่องดังรูป อย่าลืมเว้นช่องไฟ ให้มีระยะห่างกันด้วย

ใน ส่วน Tracking, Social Networking, And more คือส่วนการตั้งค่า ติดตาม และ โซเชียลเนตเวิค ต่างๆ

Email Tracking : แนะนำให้ตั้งไว้ตามที่มีอยุ่แล้วครับ เพื่อให้เราติดตามผลได้
Add Google Analytics™ Tracking To All URLs  : คือการตั้งค่า เพื่อให้เราสามารถ ใช้ google analytical ในการติดตามผลของ campaign นี้ของเราใน Search engine ซึ่ง แล้วแต่ความต้องการของเราเลยครับ แต่ถ้าตั้งแล้วต้องจด คำที่แสดงเพื่อนำไปใช้ใน google analytical ด้วย ซึ่งในส่วนของการใช้ Google analytical นั้น ผมขอข้ามไป นะครับ ถ้ามีเวลาจะเขียนอธิบายอีกที

Twitter และ Facebook เป็นส่วนเสริมขึ้นมาว่าให้เรา auto โพส สารนี้ ในทวิตเตอร์ของเรา เลยไหม 
Allow comment : คืออณุญาตให้มีคอมเมนท์เกี่ยวกับสิ่งนี้ใน facebook
auto-Post : คือทำการโพสอัตโนมัติ หลังการส่งสาร ของเราเสร็จสิ้น

เมื่อตั้ง่าที่ต้องการเสร็จหมดแล้วกด next Step To Design มุมขวาล่าง จะเจอรูปดังนี้
กด Close Forever ได้เลย เพราะในหน้านี้ จะอธิบายคร่าวๆว่า Template  ต่างกับ Campaign อย่างไร?
Templates
Templates are reusable email designs that establish your branding. Create once, then reuse often as the starting point for email campaigns


Campaigns

Campaigns add content to an instance of a template. Select a template, add copy and images, then send.


จากนั้นเราจะมีรูปแบบ เทเพลท ให้เรา เลือกได้4 แบบ นั่นคือ
1. Drag&Drop Editor 
ซึ่งผมยังไม่เข้าใจเช่นกันว่าใช้ยังไง วะฮ่า ๆๆๆๆๆ ขอ ข้ามนะครับ

2. Basic 
ซึ่งในบทความนี้เราจะใช้แบบนี้กัน

3. Predesigned  
ซึ่งคือรูปแบบที่ทาง Mailchimpได้ออกแบบไว้ให้เเล้ว กรณีที่เราคิดว่า รูปแบบเนั้นตรงกับใจเรา เป็นต้น

4. My Template 
คือรูปแบบ ที่เราเคยทำไว้ หรือเคยเลือกใช้ แล้วเราจะไปใช้แบบเดิม ( ถ้ายังไม่เคยทำส่วนนี้คลิกไปจะไม่มีอะไรครับ )

Code you own : คือกรณีที่คุณมี Template อยู่แล้วในแบบ HTML ซึงคุณสามารถ Copy แล้ว Paste ได้เลย
Import : คือกรณีที่คุณมี เวปไซท์ หรือ  Blog อยู่แล้วต้องการยกมาก้อ แค่ copy URL มาวางได้เลย

**ซึ่งทั้งสองกรณี หลังจากได้ลองโดยส่วนตัวแล้วก็โอเคครับถ้า หน้าเวป หรือข้อมูลเราไม่ซับซ้อนมาก แต่ถ้ามีลิงค์ หรือ ภาพเคลื่อนไหวจำนวนมาก มันมักจะไม่ได้ผลครับ

กด เลือกแบบ Basic จะเจอดังรูป

ซึ่งคุณจะพบว่ามีรูปแบบ ให้เลือกเป็นจำนวนมาก ลอง เลือกมาสักอันแล้วไปต่อกันครับ ในที่นี้ผมลองเลือกอันแรกเลยดูนะครับ เราจะเจอหน้าตาคล้ายๆแบบนี้

ข้อดีอย่างหนึ่งของ Mailchimp ก็คือมันจะดึงรูปภาพ โลโก้ หรือชื่อ บริษัท หรือ องค์กรมาให้เราโดยอัตโนมัติ ( ในทีนี้มันดึงคำว่า Thai Dealer Online มา ) ซึ่งเราจะใช้หรือไม่ใช้ก็ได้ครับ แล้วแต่การออกแบบของแต่ละคน ซึ่งเอาละเรามาเลยออกแบบกันเลย ส่วนเเรกที่ เราจะออกแบบ ตามรูป นะครับ คลิกคำว่า edit
จากนั้นเราจะเจอหน้าตาประมาณนี้นะครับ
ลองดูที่ตรง แถบเครื่องมือใช้งานนะครับ ผมจะลองกด ใส่ภาพที่เลือกไว้ ให้เลือกไปที่ file manager
จากนั้นกดเลือกไฟล์ภาพที่เราต้องการ
ซึ่งในแถบด้านซ้ายตามรูปจะมีให้เลือกอยู่ 5 แบบ คือ
  1. อัพโหลด จากไฟล์ภาพในเครื่องคอมเรา
  2. เลือกไฟล์ภาพ ที่เราเคยอัพโหลดไว้แล้ว
  3. เลือกภาพจากไฟล์เฉพาะที่เรามี* (ในส่วนนี้ ผมไม่ค่อยแน่ใจ)
  4. เลือกภาพจาก เวป Flickr ( เสียเงินซื้อภาพ )
  5. เลือกภาพจาก เวป iStockphoto (เสียเงินเช่นกัน )
ซึ่งเมื่อเราเลือกภาพได้เเล้วจะเจอหน้าตาแบบนี้

ถ้าเราต้องการปรับแต่งภาพที่เราเลือกให้ คลิกไปที่ edit จะเจอหน้าตาและเครื่องมือในการปรับแต่งภาพต่างๆดังรูป

เมื่อเราปรับแต่งภาพจนพอใจแล้ว ก้อกด Save จะกลับมาหน้าจอ File manager อีกครั้ง ในส่วนของ
Alt Text : คือ คำพูดที่จะแสดงเมื่อภาพที่เราเลือกไม่แสดงนั่นเอง ( ในที่นี้ผมตั้งเป็น If images disable please open by other browser ) copy ไปใช้ได้นะครับไม่ว่ากัน
URL : ก็คือ link หรือที่อยู่ เวป ที่เรา ต้องการ ลิงค์ไปถึงเมื่อมีคนกดคลิกที่ภาพ ( ในที่นี้ผมตั้งเป็น http://thaidealersoulution.blogspot.com/ ) ดังรูป

จากนั้นกด Save & Insert image จะได้ดังภาพ

ลบคำในภาพออกให้หมด เพราะไม่ต้องการใช้ แล้วกด Save Now จะได้ดังรุป
จากนั้น ผมมาออกแบบ ส่วนที่สอง

คลิก design header ตามภาพดังนี้

จากนั้นจะพบหน้านี้ ว่า เราจะเลือกภาพของเราเอง ( Upload a header image ) หรือ ภาพที่ทาง Mailchimp มีอยู่แล้ว ( Use one of ours )

ในที่นี้ผมขอเลือก ภาพจากทาง Mailchimp ดูบ้าง จะเจอหน้าตาแบบนี้
ซึ่งเมื่อเราเลือกแล้วจะเจอหน้าตาแบบนี้
ในส่วนของ
Alt Text : คือ คำพูดที่จะแสดงเมื่อภาพที่เราเลือกไม่แสดงนั่นเอง
URL : ก็คือ link หรือที่อยู่ เวป ที่เรา ต้องการ ลิงค์ไปถึงเมื่อมีคนกดคลิกที่ภาพ
ถ้าเรา ต้องการเพิ่มรูปลงไปอีก ให้กด Add image จะเจอดังภาพ
ซึ่งเราสามารถ อัพโหลด จากไฟล์ในคอมพิวเตอร์ ได้เลย หรือ เลือกภาพจาก เวปไซท์ที่เราต้อง
เสร็จแล้วกด อัพโหลด จะเจอดังรูป
เราสามารถ ปรับขนาด ( Scale ) รวมทั้งลูกเล่น เช่น แรเงา ( Shadow ) รวมถึงการจัดวางในตำแหน่งต่างๆ 
ถ้าเรา ต้องการ เพิ่มคำต่างๆลงในรูป ให้ กด ไปที่  Add Text เมื่อเสร็จเรียร้อยแล้วกด  Save & Exit จะพบภาพดังรูป
จากนั้นเรามาออกแบบส่วนต่อไปกันครับ

คลิก edit เพื่อเข้าสู่การ ออกแบบ เนื้อหา ซึ่ง เครื่องมือพิเศษ คือการ Merge นั้นเมื่อคลิกดังรูป เราสามารถดึงข้อมูลจากรายชื่อ ที่เราสร้างไว้มาใช้ได้ด้วย
หรือถ้าไม่แน่ใจว่าเลือกถูกหรือไม่ สามารถ คลิกที่คำว่า Open Cheatsheet ดังรูป

อันนี้เป็นตัวอย่างที่ผมได้ลองทำนะครับ เมื่อต้องการแทรกหรือแก้ไขลิงค์ให้คลิกตามรูป
จะได้ดังรูป
ให้ใส่ เวปไซท์ หรือ อีเมลล์ แอดเดรส ที่ต้องการให้ไปถึง เมื่อมาการคลิกที่ตัวอักษรเหล่านี้ หรือกรณีต้องการใส่เป็นรหัสHTML ให้คลิกตามรูปดังนี้ 
ซึ่งเราสามารถ copy  HTML โค้ด ที่เราต้องการแล้ว PASTE ได้เลย
กด ปุ่มเดิมอีกครั้งเพื่อกลับไปดูหน้าแสดงผล เมื่อ เสร็จแล้วกด ปุ่ม Save Now

ในส่วนที่ 3 และ 4 นั้นขั้นตอนในการเพิ่มภาพ และข้อความ จะเป็นเหมือนส่วนแรก ทั้งหมด ซึ่ง ตลอดเวลาที่เราทำ เราสามารถ คลิก Preview  เพื่อดูก่อนว่าจะออกมาเป็นอย่างไรได้ตลอดเวลา ที่ปุ่ม บนขวา ดังภาพ

เราจะมีตัวเลือกเพื่อ preview อยู่ 4 แบบ คือ
  1. Open pop up preview คือเปิดหน้าต่างเพื่อเรียกดู ตัวอย่างที่เราทำ
  2. Send a test Email คือการส่งอีเมลล์ทดสอบ ไปยังอีเมลล์ที่เรากำหนดเพื่อทดสอบ
  3. Push to Mailchimp Mobile คือการส่งออกไปยังมือถือเราเพื่อทดสอบ การดูด้วยมือถือโดยMailchimp
  4. Run inbox inspection คืออะไรไม่ทราบครับ!! เพราะ มันต้องจ่ายเงินจึงไม่ต้องสนใจ
ถ้าเนื้อหาข้อมูลเรามีมากและต้องการเพิ่มลงไป เราสามารถ เพิ่ม คอลัมภ์ โดยคลิก ปุ่ม ด้านล่าง คอลัมภ์ ล่างๆ ตามภาพ
จากนั้น เมื่อ เนื้อหาเสร็จแล้ว เราจะมาทำการตั้งค่า ในส่วน Featured ดังภาพ
ซึ่งเมื่อเราคลิก edit เราสามารถ ลบ หรือ เพิ่ม ลิงค์ ได้ตามใจชอบ เช่น ไม่ต้องการ ในส่วนของ Twitter  แต่ยังต้องการ เฟสบุค กับ ส่งต่อให้เพื่อนไว้ ก็สามารถทำได้
ในส่วน ที่ 5 ,6 และ7 นั้นไม่มีอะไรครับ ผมไม่ค่อยเปลี่ยนจากที่มันตั้งไว้ โดยเฉพาะ ส่วนที่ 6 แต่ถ้าใครจะปรับก็ได้ครับ

Unsubcribe from this list : คือ การอณุญาตให้เมลล์ที่เราส่งถึงเอาชื่อเค้าออกจากรายชื่อ
Update subcribe preference : คือ การอณุญาตให้เจ้าของเมลล์ที่เราส่งถึงแก้ไข ข้อมูลของตัวเองที่เรามีอยู่

เมื่อตรวจทุกอย่างเสร็จสิ้นแล้วให้กดปุ่ม Next Step : Plain Text มุมล่างขวา

จะเจอหน้านี้

ซึ่งคือรูปแบบ ที่ เมื่อผู้รับสารเลือกดู เป็น Text ไม่ใช่ HTML จะเห็น เมื่อตรวจดู เรียบร้อยแล้วกด Next Step : Confirm

เราก็จะมาสู่หน้าพร้อมส่ง ดังรูป ซึ่งจะจะมีปุ่ม edit ในขั้นตอนต่างๆเพื่อให้เรากลับไปแก้ไขได้ หรือ Schedule เพื่อตั้งเวลาการส่ง รวมทั้ง Preview & Test เพื่อทดสอบดูในขั้นตอนสุดท้าย เมื่อพร้อมแล้วให้กด Send ( ส่ง ) มันจะถามเราอีกครั้งว่าส่งแน่หรือไม่ ถ้าไม่แน่ใจ กด ยกเลิก ( Cancel ) ถ้าตรวจสอบ มั่นใจแล้วกด ส่ง ( Send Campaign ) ดังรูป
เมื่อเราส่งแล้วจะมาสู่หน้าตาดังรูป ต่อไป
ซึ่งมันจะมีตัวเลือกให้ 3 ข้อ คือ
  1. Check Out Report : ไปดูรายงานการส่งในหน้า รายงาน ( Report )
  2. Go To Campaign Dashboard : กลับไปยังหน้าเมนูหลัก
  3. Share On Social Media Site : คือไปยังหน้า โพส ไปยัง Facebook  หรือ  Twitter



วันนี้พอเท่านี้ก่อนนะครับ คิดว่าทุกท่านคงพอเข้าใจ คอนเซปป์ คร่าวๆ ของ การทำ Campaign โดย Mailchimp แล้ว ที่เหลือ คงขึ้นอยู่กับการใช้งานให้คล่องนั่นเอง พรุ่งนี้เราจะมาต่อกันในส่วนของรายงาน หรือก็คือ การตรวจสอบ ROI ของ Campaign ซึ่งเป็นข้อดี อีกข้อของ Mailchimp นั่นเอง

ดู บล็อค อื่นๆ ของ ผม ได้ที่นี่
อะๆ ยังไง เหมือนเดิม ครับ สนับสนุน ค่ากาแฟ ช่วยๆ กันคลิกแบนเนอร์ ข้างล่างทีนะครับ ^/l\^

-->

1 comment:

  1. บทความนานแล้วแต่ยังเป็นประโยชน์มากๆ เลยครับ


    เทคนิคการทำ SEO

    ReplyDelete